เริ่มต้นทำ Data Driven Marketing ใช้เครื่องมืออะไรได้บ้าง ?

เริ่มต้นทำ Data Driven Marketing ใช้เครื่องมืออะไรได้บ้าง ?
เลือกอ่านหัวข้อที่สนใจ

หลาย ๆ แบรนด์ในช่วงนี้เริ่มหันมาให้ความสำคัญในการทำงานร่วมกันกับ Data มากขึ้น เพราะทุก Data ที่อยู่รอบตัว เปรียบเสมือนกุญแจสำคัญของแบรนด์ สามารถทำให้ตัวแบรนด์เองเข้าใจลูกค้าและทำการตลาดได้ดี มีประสิทธิภาพกว่าที่เคย และประสบความสำเร็จในการทำการตลาดในยุคดิจิทัลได้ ก่อนหน้านี้เราได้เล่าคร่าว ๆ ถึงการทำ Data Driven Marketing ไปในบทความ ยกระดับ ROI ด้วย Data Driven Marketing และเล่าถึงการทำงานของเจ้าตัวนี้ไปแล้วใน เรียนรู้การทำงานของ Data Driven Marketing อย่างมีประสิทธิภาพ วันนี้ เราจะมาพูดถึงการเริ่มต้นทำ Data Driven Marketing ว่าสามารถทำได้อย่างไรบ้าง ?

เริ่มต้นทำการตลาดโดยใช้ Data เข้ามาช่วยได้อย่างไร ?

ก่อนอื่นเลย แบรนด์ต้องการนำ Data เข้ามาเพื่อให้นักการตลาดวิเคราะห์และทำความเข้าใจกับ Data ที่เป็นข้อมูลจริงจากตัวลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของตัวแบรนด์เอง และนำผลวิเคราะห์เล่านั้นไปสร้างแคมเปญการตลาดออกมาตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุดและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อทำให้ลูกค้าอยู่กับแบรนด์ไปได้อีกนาน ซึ่งการเริ่มต้นทำการตลาดโดยใช้ Data เป็นดังนี้

กำหนดวัตถุประสงค์ในการใช้ Data

เวลาที่เราจะทำแคมเปญการตลาดใดสักหนึ่งแคมเปญ สิ่งที่เป็นจุดสำคัญเลยนั้นก็คือวัตถุประสงค์ การทำการตลาดกับ Data ก็เช่นกัน เราต้องรู้ก่อนว่าเราจะเก็บ Data ไปเพื่ออะไร วัตถุประสงค์คืออะไร ซึ่งจะทำให้การเก็บ Data ของคุณง่ายขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ถ้าต้องการทำการตลาดกับกลุ่มลูกค้าที่อยู่บน Facebook เท่านั้น คุณก็สโคป Data ลงมาเก็บแค่ช่องทางนั้น ทำให้การทำงานของคุณไม่ซับซ้อนและใช้ Data ที่มากเกินความจำเป็นด้วย

ดำเนินการเก็บ Data

หลังจากกำหนดวัตถุประสงค์แล้วเรียบร้อย ก็ดำเนินการเก็บ Data ตามวัตถุประสงค์ที่ได้ตั้งไว้ Data ที่เก็บควรเป็น Data ที่มีอยู่จริง นำมาใช้ได้จริงและเพียงพอต่อการทำ Data Driven Marketing เพราะถ้า Data มีเยอะ แต่เป็น Data ที่ไม่มีประโยชน์เลย ก็ต้องมาเสียเวลาในการเก็บ Data อีกครั้งได้

จัดเรียง Data ตามความเหมาะสม

เมื่อเราเก็บรวบรวม Data มาแล้ว สามารถจัดระเบียบ Data ให้อยู่เป็นที่ตามความเหมาะสม อาจมีการแบ่งประเภทของData การนำ Data ไปใช้ รวมถึงจัดแบ่งตามแหล่งที่มาของ Data เพื่อให้ง่ายต่อการนำไปวิเคราะห์ หรืออาจจะมีการนำเครื่องมือสำหรับด้านนี้โดยเฉพาะอย่าง CRM เข้ามาช่วยในการจัดเรียง Data ได้เช่นกัน

เริ่มวิเคราะห์ Data

การจัดเรียง Data ล่วงหน้าไว้แล้ว เราจะรู้ว่า Data กลุ่มไหนที่เหมาะสมต่อแคมเปญนั้น ๆ และนำ Data กลุ่มนั้นมาวิเคราะห์ เพื่อหาผลลัพธ์ที่ดีที่สุดต่อแคมเปญ ไม่จำเป็นต้องใช้ Data ทั้งหมด แต่เลือกเฉพาะที่จำเป็นก็พอ

สร้างแคมเปญการตลาด

ผลลัพธ์จากการวิเคราะห์ Data ที่ได้มาจะเป็นสิ่งที่ช่วยกำหนดการสร้างแคมเปญการตลาดของคุณว่า แคมเปญนั้นจะต้องวิ่งไปทางไหน เจาะกลุ่มลูกค้ากลุ่มไหน และดำเนินการอย่างไรที่จะเข้าไปถึงลูกค้ากลุ่มนั้นได้

วัดผลลัพธ์จากแคมเปญการตลาด

เมื่อแคมเปญการตลาดของคุณรันไปแล้ว อย่าลืมตรวจวัดดูว่า แคมเปญการตลาดนั้นได้ผลลัพธ์ดีตรงตามเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ไหม ซึ่งตรงจุดนี้จะเป็นการวัดด้วยว่า การทำ Data Driven Marketing ของคุณได้ผลดี มีประสิทธิภาพหรือเปล่า ถ้าเกิดว่าแคมเปญของคุณยังไม่ดีพอ อาจจะต้องดูว่าพลาดตรงไหน และนำมาปรับปรุงในแคมเปญต่อไป แต่ถ้าได้ผลตอบรับดี ก็ถือว่าสิ่งที่ทำนั้นประสบความสำเร็จ

Content Marketing

ต่อให้แคมเปญของคุณประสบความสำเร็จตามเป้าหมายแล้ว ก็ไม่ควรหยุดทำ Data Driven Marketing เพราะอย่างที่รู้ว่า ลูกค้ามีความต้องการที่เปลี่ยนไปทุกวัน Data ที่ได้มาก็จะเปลี่ยนไปทุกวันเช่นกัน ดังนั้นต้องทำการวิเคราะห์อยู่เรื่อย ๆ และปรับเปลี่ยนแคมเปญทางการตลาดอย่างสม่ำเสมอ

แต่การเริ่มต้นทำการตลาดโดยใช้ Data ในยุคดิจิทัลนั้น ไม่ใช่แค่การมีเปเปอร์ข้อมูลและมานั่งดู นั่งวิเคราะห์กันเอง แต่มีเครื่องมือที่ช่วยให้การวิเคราะห์การตลาดนั้นเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็วกว่าการมานั่งรวบรวมและวิเคราะห์ด้วยตัวเอง ซึ่งเครื่องมือที่ช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลนั้นมีมากมาย เราสามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม

Data Driven Marketing Tools มีอะไรบ้าง ?

Web Analysis

เครื่องมือที่ช่วยวัดผลการเข้าชมเว็บไซต์ เก็บรวบรวมข้อมูลได้ตั้งแต่ User ที่เข้ามายังเว็บไซต์ตั้งแต่ขั้นตอนแรกจน User ออกจากเว็บไซต์ สามารถดูได้ว่า User คนไหน ชอบหรือไม่ชอบหน้าไหนบนเว็บไซต์ ดูช่วงเวลาที่มีผู้เข้าชมเว็บไซต์มากที่สุด User มาถึงเว็บไซต์จากช่องทางไหน เครื่องมือนี้จะช่วยให้เราวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดที่ได้จากบนเว็บไซต์ ทำให้เราสามารถปรับเว็บไซต์ให้ตรงกับความสนใจของ User ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายได้ ปัจจุบัน ผู้ที่ทำการตลาดออนไลน์ส่วนใหญ่มักนำเครื่องมือ Web Analysis มาใช้เกือบ 90% และบริษัทเอเจนซี่ส่วนใหญ่ที่มีการทำการตลาดและสร้างเว็บไซต์ให้กับแบรนด์ ต่างแนะนำให้แบรนด์นำเครื่องมือ Web Analysis เข้ามาใช้หมดทั้งสิ้น

ตัวอย่างเครื่องมือ Web Analysis

Google Analytics

Google Analytics

เครื่องมือยอดนิยมที่ไม่ว่าเว็บไซต์ไหนก็ต้องติดตั้ง เป็นเครื่องมือที่ Google เปิดใช้ติดตั้งใช้งานฟรี สามารถดูสถิติของเว็บไซต์ ภาพรวมของเว็บไซต์ รวมถึง User ที่เข้ามาอยู่บนเว็บไซต์ได้อย่าง Realtime ผู้ใช้สามารถดูได้ว่า หน้าไหนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดบนเว็บไซต์ ซึ่งข้อมูลที่ได้จากเครื่องมือนี้ สามารถนำไปวิเคราะห์ เพื่อปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้ได้ดียิ่งขึ้น

Google Search Console

อีกหนึ่งเครื่องมือที่ Google เปิดให้ใช้งานฟรีเช่นกัน โดยสามารถใช้เพื่อดูข้อมูลของ User ที่เข้ามาถึงเว็บไซต์ได้แบบ Organic หมายความว่าอย่างไร? หมายความว่าเราจะสามารถดูได้เลยว่า User ค้นหาคำไหนบน Google แล้วเจอเว็บไซต์ของคุณ อัตราการคลิกเมื่อค้นหาเจอเว็บไซต์ของเรานั้นอยู่ที่เท่าไหร่ เครื่องมือนี้จะดีต่อการทำ SEO และข้อมูลที่ได้ก็สามารถนำไปปรับปรุงเว็บไซต์ เพื่อทำให้เว็บไซต์ มีความน่าสนใจและคลิกเข้ามาบนเว็บไซต์เรามากขึ้นด้วย

Social Listening Tools

เครื่องมือที่รวบรวมข้อมูลความสนใจ ความต้องการของผู้ใช้งานบนโลกออนไลน์ ดูความเคลื่อนไหวต่าง ๆ โดยส่วนใหญ่จะรวบรวมจาก Facebook, Twitter, Pantip และอื่น ๆ อีกมากมาย เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถรับรู้ความต้องการของผู้บริโภค รู้เทรนด์ในตลาดช่วงนั้น ตามทันโลก ซึ่งเป็นข้อมูลที่สำคัญอย่างมากต่อการทำ Data Driven Marketing รู้ไปถึงว่าลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ รู้สึกกับแบรนด์ในแง่บวกหรือแง่ลบอยู่ในช่วงนั้นได้ด้วย

ตัวอย่างเครื่องมือ Social Listening Tools

- 1 - เริ่มต้นทำ Data Driven Marketing ใช้เครื่องมืออะไรได้บ้าง ?

Buzzsumo

เครื่องมือที่คนทำการตลาดด้าน Social Listening รู้จักกันเป็นอย่างดี เครื่องมือนี้สามารถตรวจสอบ Keyword ที่คุณต้องการได้ว่าในช่วงนั้น บนโลกออนไลน์กำลังพูดถึง Keyword นั้นว่าอย่างไรบ้าง ซึ่ง Keyword นั้นอาจจะเป็นชื่อแบรนด์ของคุณเองก็ได้ ติดตามแนวโน้มทางการตลาดและวิเคราะห์ Data บนโลกออนไลน์ได้อย่าง Realtime

Marketing Automation Platform

เครื่องมือที่ช่วยให้เราทำการตลาดได้แบบอัตโนมัติ โดยเครื่องมือประเภทนี้ จะเข้ามาช่วยทำการตลาดได้ตั้งแต่ขั้นตอนแรก จนถึงขั้นตอนสุดท้าย ยกตัวอย่างเช่น การเสิร์ฟคอนเทนต์เข้าไปยังกลุ่มเป้าหมายอย่างการทำ Content Marketing หรือการส่งโปรโมชั่นหรือข้อเสนอดี ๆ ไปทางอีเมล อย่างการทำ Email Marketing หรือแม้แต่สร้างฟอร์มเพื่อเก็บข้อมูลของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายลงระบบได้อย่างอัตโนมัติ เครื่องมือนี้ จะเข้ามาช่วยให้คุณสามารถทำงานทางด้านนี้ได้อย่างราบรื่น

ตัวอย่าง Marketing Automation Platform

HubSpot

เป็นเครื่องมือที่ช่วยทำ Data Driven Marketing ได้แบบจบ ครบในที่เดียว ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้แบรนด์ได้ตั้งแต่การจัดการบน Social Media ไปจนถึงเว็บไซต์ สามารถสร้างหน้า Landing Page เพื่อจัดเก็บข้อมูลของลูกค้าลงระบบของ HubSpot ได้ทันที มีฟังก์ชันทั้งในส่วนของ Marketing Hub, Sales Hub, CMS Hub และ Operation Hub แถมยังมี Free CRM ให้ผู้ใช้งานทดลองใช้ฟรีก่อนสมัครใช้บริการแบบรายเดือนด้วย

Customer Relationship Management (CRM)

เครื่องมือที่ช่วยให้การทำ CRM ของคุณเป็นระบบมากขึ้น มุ่งไปที่การรักษาความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับลูกค้า ทำให้ลูกค้าพึงพอใจและภักดีต่อแบรนด์ จาก Data ที่ระบบเก็บมาและนำ Data เหล่านั้นไปต่อยอดการทำการตลาดได้ในอนาคต

ตัวอย่างเครื่องมือ Customer Relationship Management (CRM)

Salesforce

Salesforce

เครื่องมือการทำ CRM โดยเฉพาะ และเป็นเครื่องมือที่ได้รับความนิยมอย่างมากทั่วโลก ซึ่งทำงานอยู่บนระบบ Clouds ให้บริการแบบ SaaS ทำให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานได้จากอุปกรณ์ทุกอย่าง ทุกที่ ทุกเวลา เหมาะสำหรับทีมขาย ที่ต้องการโต้ตอบกับลูกค้าในทันที แถมยังเก็บข้อมูลลูกค้าที่เข้ามายังแบรนด์ได้อย่างเป็นระบบที่สุด ด้วยความที่เครื่องมือทำงานเป็นระบบและใช้งานง่าย จึงทำให้หลาย ๆ คนนิยมใช้เครื่องมือนี้ทำ CRM ลูกค้า

ChocoCRM

เครื่องมือการทำ CRM ที่พัฒนาด้วยบริษัทคนไทย รองรับการทำ CRM ในหลาย ๆ ช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น LINE OA, ระบบ POS และอื่น ๆ อีกมากมาย ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถบริหารข้อมูลลูกค้า วิเคราะห์ข้อมูลและสร้างแคมเปญการตลาดออกมาตอบโจทย์ลูกค้าได้มีประสิทธิภาพกว่าที่เคยได้

Reporting and Analysis

เครื่องมือที่ช่วยให้เราดู Data ในรูปแบบของ Report เห็นภาพรวมของข้อมูลและการทำงานทั้งหมด ข้อมูลที่อยู่บน Report ก็สามารถนำมา Analyst เพื่อนำผลลัพธ์ที่ดีที่สุดไปใช้สร้างแคมเปญการตลาดได้ โดยเครื่องมือนี้ จะทำให้เราไม่ต้องไปหาข้อมูลที่ซับซ้อนและวุ่นวาย สามารถเปิดเครื่องมือมาและเห็นข้อมูลเหล่านั้นได้ทันที

ตัวอย่างเครื่องมือ Report Analysis

Tableau

Tableau

เครื่องมือซอฟต์แวร์ที่ถูกใช้งานเยอะมากในกลุ่มของผู้ที่ทำงานด้าน BI, Analytics และผู้ที่ทำงานกับ Data โดยตรง ช่วยแปลงข้อมูลที่มีจำนวนมาก ๆ ออกมาในรูปแบบของ Report แผนภาพที่ดูง่าย แม้ผู้ใช้จะไม่ได้มีความรู้ทางด้านไอที ก็สามารถใช้งานเครื่องมือนี้ได้อย่างง่าย ๆ เพียงแค่คลิกและลากก็สามารถใช้งานดู Report ได้ทันที

สรุป

อย่างที่บอกไปตอนต้นว่า Data นั้นอยู่รอบตัวเราเสมอ แค่เราตื่นเช้ามาเปิดมือถือ เราก็เจอ Data มากมายแล้ว ดังนั้น ถ้าแบรนด์ไหนสามารถเข้าถึงข้อมูลของลูกค้าได้ไว ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลที่เหมาะสม ทำความเข้าใจลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว ก็สามารถจับลูกค้ากลุ่มนั้นให้อยู่ในมือได้อย่างอยู่หมัดอย่างแน่นอน

Growfox Agency ผู้ให้บริการด้าน Digital Marketing แบบครบวงจร
บทความที่เกี่ยวข้อง
เลือกหัวข้อที่คุณสนใจ